Time to Hunt (2020) ถึงเวลาล่า

เรื่องย่อ Time to Hunt (2020) ถึงเวลาล่า

Time to Hunt (2020) ถึงเวลาล่า เป็นภาพยนตร์แอ็กชัน-ระทึกขวัญจากเกาหลีใต้ที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสี่คนที่วางแผนปล้นคาสิโนผิดกฎหมายเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แทนที่จะเป็นอิสรภาพ กลับต้องเผชิญกับฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด เมื่อพวกเขาถูกตามล่าโดยนักฆ่าปริศนาผู้ไร้ความปรานี

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ “จุนซอก” (รับบทโดย อีเจฮุน) ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในโลกที่เกาหลีตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ ค่าเงินดิ่งลงจนผู้คนต้องดิ้นรนเอาตัวรอด เขาหวังจะออกจากชีวิตอาชญากรรมและเริ่มต้นใหม่ที่ไต้หวัน ด้วยแผนการปล้นคาสิโนผิดกฎหมายร่วมกับเพื่อนสนิท “จางโฮ” (อันแจฮง), “กีฮุน” (ชเวอูชิก) และ “ซังซู” (พัคจองมิน)

แต่ทันทีที่การปล้นสำเร็จ พวกเขากลับพบว่ากำลังถูกล่าโดย “ฮัน” (พัคแฮซู) นักฆ่าผู้ไร้หัวใจ ซึ่งถูกว่าจ้างมาเพื่อกำจัดพวกเขาทุกคน การไล่ล่าที่หายใจรดต้นคอ ทำให้พวกเขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเมืองที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความรุนแรง

รีวิว Time to Hunt (2020) ถึงเวลาล่า

บรรยากาศไซเบอร์พังก์ที่โดดเด่น ภาพยนตร์นำเสนอโลกดิสโทเปียที่คล้ายกับอนาคตอันใกล้ของเกาหลีใต้ เมืองที่เต็มไปด้วยสีสันนีออน สลัมเสื่อมโทรม และความสิ้นหวัง ถ่ายทอดออกมาได้อย่างหนักแน่นและสมจริงฉากไล่ล่าที่ตื่นเต้นเร้าใจ Time to Hunt ให้ความรู้สึกเหมือนหนังแอ็กชันเอาตัวรอดแบบ The Purge หรือ No Country for Old Men

ฉากแอ็กชันมีความตึงเครียด การไล่ล่าของ “ฮัน” ที่นิ่งเงียบและไร้ความปรานี ทำให้หนังเต็มไปด้วยความกดดันและลุ้นระทึก ทีมนักแสดงทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ พัคแฮซู ที่เล่นเป็น “ฮัน” ได้อย่างน่าขนลุก ส่วน อีเจฮุน และ ชเวอูชิก ถ่ายทอดความสิ้นหวังและความกลัวออกมาได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ ธีมเรื่องที่ลึกซึ้งทำออกมาได้ดี หนังสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การดิ้นรนของคนรุ่นใหม่ และความสิ้นหวังของสังคม ผ่านตัวละครที่พยายามไขว่คว้าโอกาสในโลกที่ไม่มีความหวัง

จังหวะเรื่องอาจช้าไปในช่วงแรก แม้ว่าหนังจะมีฉากไล่ล่าที่ตื่นเต้น แต่ช่วงต้นเรื่องมีการปูพื้นหลังที่ค่อนข้างยืดเยื้อ อาจทำให้บางคนรู้สึกว่าดำเนินเรื่องช้าไปเล็กน้อย ตอนจบของหนังเปิดโอกาสให้ตีความได้หลากหลาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกไม่พอใจหรือค้างคา

บทสรุป

เป็นภาพยนตร์แอ็กชันระทึกขวัญที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศไซเบอร์พังก์ ฉากไล่ล่าที่ลุ้นระทึก และการแสดงที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีจังหวะที่ช้าไปบ้าง แต่ก็เป็นหนังที่น่าติดตามสำหรับคอหนังแอ็กชันเอาตัวรอด