Ava (2020) เอวา มาแล้วฆ่า

เรื่องย่อ Ava (2020) เอวา มาแล้วฆ่า

“Ava” (2020) หรือในชื่อไทย “เอวา มาแล้วฆ่า” เป็นภาพยนตร์แอ็กชัน-ทริลเลอร์ที่กำกับโดย Tate Taylor และนำแสดงโดย Jessica Chastain ในบทของ เอวา ฟอล์กเนอร์ นักฆ่ามืออาชีพที่ทำงานให้กับองค์กรลับระดับสูง

เอวาเป็นมือสังหารฝีมือดีที่ได้รับภารกิจทั่วโลก ตั้งแต่การลอบสังหารเป้าหมายระดับวีไอพีไปจนถึงการจัดฉากอุบัติเหตุเพื่อกำจัดบุคคลสำคัญ อย่างไรก็ตาม เธอมีปัญหากับอดีตที่เลวร้ายและพฤติกรรมที่ชอบตั้งคำถามกับเป้าหมายก่อนจะลงมือสังหาร ซึ่งขัดกับกฎขององค์กร

เมื่อภารกิจหนึ่งเกิดความผิดพลาด เอวากลายเป็นเป้าหมายเสียเอง เธอถูก ไซม่อน (Colin Farrell) หัวหน้าทีมสังหารตามล่า และต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เคยทิ้งไว้ รวมถึงต้องปกป้องครอบครัวของเธอ ซึ่งนำไปสู่การต่อสู้ที่ดุเดือดและการเปิดโปงเงื่อนงำในองค์กรลับ

รีวิวภาพยนตร์ Ava (2020)

การดำเนินเรื่องและบทภาพยนตร์

“Ava” เป็นหนังที่มีโครงเรื่องเกี่ยวกับมือสังหารที่ต้องต่อสู้กับองค์กรของตัวเอง ซึ่งเป็นพล็อตที่พบได้บ่อยในหนังแนวแอ็กชัน อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการใส่ประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวและอดีตของตัวละครหลักเข้ามา

เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่ขาดความลึกซึ้งในการพัฒนาตัวละคร แม้จะมีฉากแอ็กชันที่น่าตื่นเต้นและการต่อสู้ที่เข้มข้น แต่บทสนทนาและการเล่าเรื่องยังไม่สามารถดึงอารมณ์ผู้ชมได้มากพอ

การแสดงของนักแสดงหลัก

• Jessica Chastain ถ่ายทอดบทบาทของ “เอวา” ได้อย่างดี โดยเฉพาะฉากแอ็กชันที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเป็นมือสังหารที่เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม ด้านอารมณ์และความลึกของตัวละครยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร
• Colin Farrell ในบท “ไซม่อน” เป็นตัวร้ายที่มีเสน่ห์และน่าเกรงขาม แต่บทของเขากลับไม่มีมิติที่มากพอ ทำให้ความขัดแย้งระหว่างเขากับเอวาไม่ลึกซึ้งเท่าที่ควร
• John Malkovich ในบทของ “ดุ๊ค” เป็นตัวละครที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว และการแสดงของเขาช่วยทำให้บทหนังมีน้ำหนักขึ้น

จุดเด่นของภาพยนตร์

✅ ฉากแอ็กชันที่ดุเดือดและสมจริง การต่อสู้แบบประชิดตัวและฉากไล่ล่ามีความสมจริงและน่าตื่นเต้น
✅ Jessica Chastain กับบทบาทแอ็กชันที่แข็งแกร่ง เธอทำให้ตัวละครเอวามีความน่าเชื่อถือและดูเป็นมือสังหารจ ริง ๆ
✅ การถ่ายทอดประเด็นครอบครัวและอดีตที่ตามหลอกหลอน แม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่โดดเด่น แต่ก็พยายามแทรกมิติด้านอารมณ์ของตัวละคร

จุดด้อยของภาพยนตร์

❌ บทภาพยนตร์ที่คาดเดาได้ง่าย ไม่มีจุดหักมุมที่น่าประหลาดใจ และดำเนินเรื่องไปตามสูตรสำเร็จของหนังนักฆ่า
❌ การพัฒนาตัวละครที่ยังไม่ลึกซึ้งพอ แม้จะพยายามเพิ่มปมในอดีตของเอวา แต่ก็ไม่ได้ถูกขยายความมากพอให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับตัวละคร
❌ วายร้ายที่ขาดความโดดเด่น แม้ Colin Farrell จะแสดงได้ดี แต่ตัวละครของเขากลับไม่ได้มีความน่ากลัวหรือซับซ้อนมากพอ

บทสรุป

“Ava (2020)” เป็นหนังแอ็กชันที่มีฉากต่อสู้ดุเดือดและนักแสดงนำที่แข็งแกร่ง แต่ยังขาดความลึกในแง่ของบทภาพยนตร์และการพัฒนาตัวละคร แม้ว่าจะมีจุดที่น่าสนใจ แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูได้เพลิน ๆ มากกว่าจะเป็นหนังนักฆ่าที่น่าจดจำ